“ตัวช่วย” เพิ่มมูลค่าให้กล่องสินค้า
ตัวช่วยที่จะทำให้กล่องสินค้าดูโดดเด่น นั่นคือ เทคนิคออฟชั่นหลังงานพิมพ์ เรามาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
เคลือบพีวีซีเงา
เป็นการเคลือบผิวกระดาษด้วยฟิล์มพีวีซีที่มีผิวมันวาว จะทำให้กระดาษที่เคลือบแล้ว มีความคงทน เรียบและเงางาม ซึ่งเป็นที่นิยม
เคลือบพีวีซีด้าน
เป็นการเคลือบผิวกระดาษด้วยฟิล์มพีวีซีที่มีผิวด้านคล้ายผิวของกระจกฝ้าแต่สามารถมองผ่านทะลุถึงภาพพิมพ์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถจับคู่กับเทคนิคการเคลือบเงาเฉพาะจุด หรือ Spot UV ควบคู่ไปด้วยกันได้
Spot UV
เป็นการเคลือบด้วยน้ำยาที่แห้งตัวด้วยแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ให้ความเงางามกับงานพิมพ์ ซึ่งตำแหน่งบนกล่องสินค้าที่นิยมเคลือบประเภทนี้ ได้แก่ โลโก้ รูปที่ต้องการความโดดเด่น ลายกราฟิกบนกล่อง และ Spot UV จะใช้คู่กับงานเคลือบด้าน นอกจากนี้ยังสามารถทำคู่กับออฟชั่นปั๊มนูนได้อีกด้วย
เคลือบ HOLOGRAM
เป็นเทคนิคการเคลือบกล่องสินค้าที่วางภาพทับซ้อนกัน แบบ 2 มิติ และ 3 มิติ โดยเมื่อมีแสงมากระทบบนผิวกล่อง จะทำให้เห็นเป็นภาพที่เราเคลือบไว้เสมือนลอยออกมา นอกจากนี้งานเคลือบ HOLOGRAM ยังได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถใช้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงสินค้า และเพื่อความสวยงาม ในการยกระดับสินค้าให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เคลือบ SPOT มุก
เป็นการเคลือบที่ทำให้กล่องสินค้ามีความเงาวิ้งๆ คล้ายมีกากเพชรโรยอยู่บนผิวกล่อง เหมาะกับงานที่ต้องการความฟรุ้งฟริ้ง
การปั๊มนูน
เป็นวิธีการขึ้นรูปกระดาษโดยการกดทับกระดาษให้นูนขึ้นได้รูปลักษณ์ตามแบบของแม่พิมพ์ที่ใช้กดทับ เป็นการเพิ่มความสวยงามโดยให้กระดาษดูมีมิติมากขึ้น เช่น ปั๊มนูนโลโก้ ปั๊มนูนชื่อสินค้า หรือตำแหน่งรูปที่ต้องการเพิ่มความโดดเด่น ซึ่งรูปที่เหมาะกับการปั๊มนูนต้องมีลักษณะทึบ มีพื้นที่กว้างพอสมควร ไม่เหมาะกับลายเส้นเล็กๆ
การปั๊มเคทอง
การปั๊มเคเป็นการเพิ่มมูลค่างานพิมพ์ เช่น งานพิมพ์นามบัตร นิยมปั๊มโลโก้เคทองหรือเคทอง ทั้งแบบอื่นๆ เช่น งานพิมพ์การ์ดงานเชิญ การ์ดแต่งงาน ปกหนังสือ กระดาษหัวจดหมาย ซองจดหมาย บัตรประกันสินค้า โปสการ์ด เป็นต้น ฟอยล์ที่ส่วนใหญ่นิยมใช้ คือ สีทอง เพราะเป็นเข้ากับทุกโอกาส
การปั๊มเคเงิน
ลักษณะการพิมพ์เหมือนการปั๊มเคทอง นิยมปั๊มเคเงินบนกล่องที่มีสีเข้ม เช่น กล่องสีดำ กล่องสีน้ำเงิน หรือกล่องที่มีสีสด ซึ่งช่วยให้ข้อความที่ปั๊มเคเงินมีความเด่นชัดสะดุดตา