การทำงานของสมองส่งผลต่อการซื้อของลูกค้าได้อย่างไร?
เคยสงสัยไหมคะว่า แว๊ปแรกที่เลือกซื้อแบรนด์สินค้าลูกค้าใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินใจ? ทำไมลูกค้าจึงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้เป็นประจำไม่เคยเปลี่ยน? แล้วการออกแบบแพคเกจจิ้งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้อย่างไร? วันนี้ BKK PAPER BOX มีคำตอบมาบอกค่ะ
ก่อนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ BKK PAPER BOX ชวนคุณมาคุยเกี่ยวกับการทำงานของสมองกันก่อนค่ะ เริ่มสังสัยแล้วใช่ไหมคะว่า การซื้อของเกี่ยวข้องกับสมองได้อย่างไร จริงๆ แล้วการศึกษาเรื่องระบบการทำงานของสมองในมนุษย์มีมายาวนานแล้ว เพิ่อไขความลับว่ามนุษย์เราเรียนรู้ได้อย่างไร ซึ่งในทฤษฎีสายการศึกษามีวิจัยเผยแพร่ไว้มากมาย เมื่อไม่นานมานี้มีนักวิชาการชาวญี่ปุ่น ชื่อว่า คุณซาโตชิ ซุจิโมโตะ ได้มาเผยแพร่งานวิจัยเรื่อง "Lift creative ROI with Neuroscience" หรือการวัดผลผ่านประสาทวิทยาศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่ทำให้วงการโฆษณาและการตลาดตื่นตัว เพราะงานวิจัยนี้ทำให้เราสามารถรู้ถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า โดย BKK PAPER BOX ขอนำแนวคิดของคุณซาโตชิ มาปรับใช้กับการออกแบบแพคเกจจิ้งกับกุญแจสำคัญ 3 ข้อที่จะไขความลับการทำงานของสมอง เพื่อให้เจ้าของธุรกิจอย่างเราเข้าถึงการตัดสินใจของลูกค้า และทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเรา
กุญแจสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่
1. Attention Processing : กระบวนการของความสนใจ
2. Emotional Motivation : แรงจูงใจทางอามรณ์ ความรู้สึก
3. Memory Activation : การเปิดใช้งานหน่วยความจำ
ทั้ง 3 ข้อนี้ อยู่ในกระบวนการทำงานของสมองที่มีผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเราได้อย่างไร BKK PAPER BOX ขออธิบายง่ายๆ และยกตัวอย่างเหตการณ์นี้...
“ลูกค้าท่านหนึ่งชื่อ คุณบี (นามสมมติ) ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาสิว คุณบีจึงเริ่มอ่านรีวิวหาข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่เหมาะสมและรักษาได้ตรงจุด โดยการหาจากอินเตอร์เน็ต (Attention) ซึ่งมีให้เลือกหลายแบรนด์ แต่คุณบีเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเฉพาะ ระบุข้อความเด่นชัด มีการรับรองความปลอดภัย มีภาพจริงของผู้แบบ before & after ทำให้คุณบีเกิดความมั่นใจในแบรนด์จึงตัดในสินใจซื้อมาลองใช้ (Emotional) เมื่อได้สินค้ามาลองใช้ พบว่า แพคเกจจิ้งออกแบบให้จำง่าย ลวดลายบนกล่องดูสบายตา มีกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เนื้อครีมเนียนซึมเร็ว และที่สำคัญคือ รักษาสิวได้ดี คุณบีประทับใจกับแบรนด์นี้ จนต้องซื้อซ้ำและใช้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งบอกต่อเพื่อนให้เลือกแบรนด์นี้ (Memory)”
จากเหตุการณ์ข้างต้น BKK PAPER BOX เชื่อว่า หลายคนมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าโดยใช้หลักการตัดสินใจคล้ายๆ กัน เพราะนั่นคือ หลักการทำงานของสมองในมนุษย์ทุกคน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราที่เป็นเจ้าของแบรนด์หรือกำลังเริ่มทำแบรนด์ จะนำกุญแจสำคัญ 3 ข้อ ไปใช้ได้อย่างไร มาดูกันค่ะ
1.การตั้งชื่อแบรนด์ : ควรตั้งชื่อที่บ่งบอกถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน มี keyword ที่สามารถค้นเจอได้เมื่อลูกค้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต เช่น ผลิตภัณฑ์รักษาสิว แบรนด์ BK Acne , Acne Aid เป็นต้น หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ให้มี keyword คำว่า skin care ประกอบด้วย ซึ่ง keyword เหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากขึ้น
2.ข้อมูลผลิตภัณฑ์และคุณภาพ : ข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจ เชื่อใจในผลิตภัณฑ์ของคุณ ว่ามีคุณภาพ มีความปลอดภัยได้มาตรฐาน ซึ่งข้อมูลที่ควรเน้นบนตัวกล่องแพคเกจจิ้ง คือ ข้อความของสรรพคุณที่เป็นจุดเด่น 2-3 ข้อ เช่น ช่วยให้สิวยุบ ลบรอยสิว ผิวกระจ่างใส เป็นต้น นอกจากนี้การการันตีเรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ โดยสามารถระบุสัญลักษณ์ที่ได้รับการรับรอง เช่น เลขแจ้งจดของ อย. ไว้ด้วย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความปลอดภัย
3.การออกแบบผลิตภัณฑ์และแพคเกจจิ้ง : การออกแบบผลิตภัณฑ์ในข้อนี้หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น สี กลิ่น เนื้อสัมผัส ทั้งหมดนี้ต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วย เพราะถ้าผลิตภัณฑ์ไม่ดีจริง ลูกค้าก็จะไม่กลับมาซื้อซ้ำอีก นอกเหนือจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว การออกแบบแพคเกจจิ้งให้จดจำง่ายก็มีผลเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ SK-II ที่มีสีแดงเป็นเอกลักษณ์ หรือ แบรนด์ Biotherm ที่มีสีฟ้าน้ำทะเลเป็นจุดเด่น ทั้งนี้ลวดลายบนกล่องก็ต้องดูสะอาดดูสบายตา ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
อย่าลืมค่ะว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อของลูกค้า คือ สินค้าดี ข้อความชัดเจน แพคเกจจิ้งเด่นสะดุดตา เป็นประตูบานแรกที่จะทำให้ลูกค้าเปิดใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้ BKK PAPER BOX ฟังบ้างนะคะ
หากต้องการคำปรึกษาเรื่องการออกแบบและการผลิตกล่องแพคเกจจิ้ง สามารถปรึกษากับ BKK PAPER BOX ได้ที่ โทร.0956519893 หรือ LINE@ : @bkkpaperbox